OS | โลหิตทรราช [KOOKMIN] - OS | โลหิตทรราช [KOOKMIN] นิยาย OS | โลหิตทรราช [KOOKMIN] : Dek-D.com - Writer

    OS | โลหิตทรราช [KOOKMIN]

    ทรราชมีอำนาจมากเหนือเทพสวรรค์ ทรราชมีวิชาแก่กล้ามากกว่าหมอผีหรือเซียนใด ทรราชมีจิตใจที่แข็งแกร่งดุจหินผามากกว่าที่ใครอื่นจักสามารถโค่นล้มจิตใจของทรราชได้...นอกจากตัวของทรราชเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    311

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    311

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    10
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ก.ค. 64 / 17:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    *ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาสมมติขึ้น นักอ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*



    เนื้อหาจะมีความเป็นจีนมากกว่าแต่เพื่อความง่ายต่อการอ่านจะขอพิมพ์ชื่อเป็นชื่อของศิลปินเลยจะได้ไม่เกิดการงงนะคะ


    • ∽•◈•∽ •



     ทรราช...

    ชื่อนี้คือสมญานามของบุรุษหนุ่มผู้เคยถูกจดบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์โบราณมากกว่าหลายพันปีว่าเขาคือบุคคลผู้เคยสังหารมนุษย์บริสุทธิ์และเซียนไปมากกว่าหลายหมื่นราย ด้วยพลังด้านมืดที่เขาได้จากการผูกพันธสัญญาเอาไว้ด้วยชีวิตกับเผ่ามารโดยมิได้คำนึงถึงกฎระเบียบขนบธรรมเนียมของเหล่าเซียนน้อยใหญ่ว่ามันจะถูกหรือผิด 

         ต่อมาเมื่อทรราชได้รับพลังมารมาครอบครองได้สมดั่งใจหมายแล้ว กลับคิดไว้ใจว่าตนเองจะถูกยอมรับจากเหล่าเซียนมากมายด้วยกันถึงพลังที่มหาศาลไร้ทางพ่ายแพ้ได้ แต่ครั้นทรราชเข้าสำนักไปนั้นกลับถูกเซียนด้วยกันผลักไสขับไล่ออกจากสำนักเซียนน้อยใหญ่มากมายที่เขาอาศัยร่ำเรียนและรวมไปถึงชาวบ้านทั้งหลายในละแวกนั้นที่มองตนเฉกเช่นตัวน่ารังเกียจเพราะเพียงแค่ตนได้แลกชีวิตไปกับเผ่ามารเพราะหวังต้องการพลังให้เหมือนกับเซียนผู้อื่น 


      ทรราชที่ถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านต้องหนีคำสาปแช่งจากทุกคนที่มีแต่จะสาปส่งและก่นด่าไร้ซึ่งน้ำใจมนุษย์แก่กัน ทรราชน้ำตาตกในเดินร่ำไห้อยู่ในอกมาหลบอาศัยในถ้ำพฤกษา ทรราชทุกวันตั้งแต่ย่ำรุ่งไปจนยามอาทิตย์อัสดงลงผืนดิน 

     ทรราชผู้นี้ก็เอาแต่นั่งบำเพ็ญตนสงบจิตใจแต่ก็ไม่มีทางที่ทรราชน้อยผู้นี้สามารถหยุดยั้งพลังแห่งโทสะที่ลุกโชนจากเหล่าวิญญาณชั่วร้ายในกายได้ ไฟโทสะร้อนระอุถูกปลุกขึ้นอยู่ในใจของทรราชนับตั้งแต่นั้นมาและไม่มีทางจะทำให้มันนิ่งสงบได้อีกต่อไป

          ทรราชน้อยผู้โง่เขลาใช้พลังมารที่มีอยู่ในตัวตอนนี้ฝึกตนเองให้มีพลังเซียนด้านมืดเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่า ทรราชสัมผัสได้ถึงมหาพลังที่หาจุดสิ้นสุดมิได้จากร่างกายภายใน ในใจที่เคยขาวสะอาดของทรราชน้อยตัดสินใจหันหลังให้กับคุณธรรมที่เคยซื่อสัตย์ต่อมันอย่างไม่ร้างราและพร้อมหันหน้าเข้าหาพลังด้านมืดและวิชาคุณไสยต่างๆที่ไม่ใช่ทางของสายขาวทั้งหมดเพื่อชำระความแค้นที่ตนเคยประสบพบเจอมาอย่างมิรู้ลืม 

    เรือนกายทรราชที่แต่ก่อนนั้นเคยอ่อนแอจนเอาชนะก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ได้ก็แข็งแกร่งขึ้นไปต่างจากเมื่อก่อนเหตุจากวิญญาณอาฆาตทั้งหมดที่เคลื่อนไหวในตัวของทรราชกำลังเติบใหญ่ด้วยไฟโทสะของทรราช ลวดลายอักษรประหลาดบนตัวทรราชในเวลานี้คือคำสาปทั้งหมดที่สลักจากการกัดกินเลือดเนื้อภายในของทรราชจากน้ำมือเหล่าวิญญาณอาฆาตมากมายที่แฝงตัวอยู่ข้างในร่างทรราชมากกว่าพันตัว ดวงจิตของทรราชเริ่มเสื่อมถอย ยามกระหายในน้ำจะดื่มกินเพียงเลือดสัตว์ในป่าเป็นที่ประทังชีวิต ยามหิวจะสังหารหนูในถ้ำหรือสัตว์ใกล้ๆกินสดๆเป็นอาหารเท่านี้


        ทรราชหลบหนีจากทุกสรรพสิ่งที่มักร้ายในตัวของเขาเข้าป่าไปอาศัยอยู่ในถ้ำพฤกษาถ้ำศักดิ์สิทธิ์ของป่ามายาวนานนับสิบปี ทรราชหมั่นฝึกในวิชาทุกวันทุกคืนไม่มีหยุดนิ่งจนเกสาของทรราชที่เคยเป็นสีดำขลับเงางามต้องถูกพลังด้านมือมากมายทั้งจากเผ่ามารและพวกวิญญาณอาฆาตในตัวที่เฝ้าคอยแต่กัดกินร่างกายทรราชอยู่ทุกวันจนจากเป็นสีดำกลายมีสีขาวแทรกกันไปเป็นหย่อมรากทั่วศีรษะ

    ทรราชนับวันตั้งแต่ได้รับพลังมาร่างกายของเขาก็เริ่มสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเรื่อยๆจนไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองหรือฉุดรั้งให้กลับมาเป็นคนดังเดิมได้อีกต่อไป กองไฟพลังโทสะของทรราชกลายเป็นดั่งสารอาหารชั้นดีให้เหล่าวิญญาณอาฆาตในตัวเขามีกำลังมากยิ่งขึ้นกว่าตอนแรก มันค่อยๆกลืนกินจากเนื้อหนังเขาไปยังกระดูกขึ้นไปจนถึงร่างกายเส้นเลือดทุกส่วน และไปจนอย่างสุดท้ายในร่างกายของทรราชที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแก่นแท้จิตใจของทรราชเขาก็ไม่อาจต้านทานพลังของพวกภูตผีอาฆาตพวกนี้ได้

      วิญญาณแก่นแท้ทั้งหมดของทรราชถูกพลังด้านมืดทำลายไปหมดสิ้น หลงเหลือไว้เพียงร่างกายเปล่าและกล่องดวงวิญญาณที่ไร้ซึ่งวิญญาณของทรราชตัวจริงครอบครองอยู่อีกต่อไป


          วิญญาณอาฆาตหลายพันตัวที่มีกำลังกันจากการแย่งกินร่างทรราชเริ่มแข็งข้อกันเพื่อหวังจะขึ้นครอบครองร่างกายนี้แทน แต่กลับไม่มีผู้ใดหาญสู้กับวิญญาณที่มีพลังมากที่สุดได้และสุดท้ายร่างกายของทรราชผู้นี้ก็ถูกวิญญาณตนใหม่เข้าสิงร่างแทนนับจากนั้นมา ทรราชหนุ่มในร่างมารเต็มตัวได้สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาให้กับตัวเองโดยใช้พลังมารและความอาฆาตของเหล่าวิญญาณทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกันกับโลหิตของทรราชที่กรีดออกมาจากฝ่ามือของเขาสร้างขึ้นมาเพียงราตรีเดียวเท่านั้น

     อาวุธรูปร่างงดงามประดุจอาวุธจากสวรรค์ นามของมันคือ 'ตรีศูล' มีขนาดใหญ่และสูงเทียบเท่ากับตัวของทรราชในร่างมารตอนนี้ พลังอำนาจจากตรีศูลมิอาจเอ่ยออกมาหมดด้วยปากเปล่าได้ อาวุธทรงอนุภาคเปล่งรังสีอาฆาตออกมาหนาทึบจนไร้ทางออก ร่างกายแข็งแรงกำยำห่มอาภรณ์สีดำปล่อยเกสาสยายยาวติดแผ่นหลังเดินออกมาจากถ้ำพฤกษาในรอบ10ปีที่ตนเองจากไปในฐานะผู้ใช้พลังมาร

    ในทุกย่างก้าวที่ทรราชเดินออกมามีแต่ความดับสูญและการสิ้นไป ดอกไม้ต้นไม้ที่เคยงดงามจากป่าศักดิ์สิทธิ์ต้องเหี่ยวแห้งตายไปราวกับพวกมันไร้สารอาหารมานานนับเดือน สัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหมดก็ล้มตายส่งกลิ่นเน่าเหม็นไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่ตายมาหลายวัน รอยเท้าทรราชที่เดินย่ำกายออกมามีแต่คราบเลือดสีแดงสดจากสัตว์ที่ตนกินเข้าไปเป็นอาหาร โลหิตสีแดงชาดถูกกินแทนน้ำดื่มและในบางครั้งก็นำมาอาบราดตัวเพื่อสนองแก่วิญญาณอาฆาตทั้งหลายให้มีพลังอำนาจมากยิ่งขึ้นกว่าจิตใจที่แท้จริง 

    ทรราชที่บัดนี้มิใช่ทรราชผู้อ่อนแอออกเดินทางไปทุกเขตแดนที่ตนหมายสังหารเซียนทุกสำนัก ทรราชต่อสู้กับเซียนฝีมือฉกาจนับสิบครั้งมิเคยพ่ายแพ้สักครั้งจนกลายเป็นที่เลื่องลือไปทั่วดินแดนถึงความน่ากลัวของเขา พลังโทสะจากด้านในที่ไม่มีวันหมดไปเปล่งอำนาจทำให้ร่างกายทรราชมีแต่พลังทวีมากยิ่งขึ้น มนุษย์มากมายต่างล้มหายตายจากไปเพราะความชั่วร้ายของเขาที่มีแต่คำว่า ฆ่า และ ฆ่าเท่านั้น


        เรื่องราวทั้งหมดที่หลายเขตแดนและหลายตระกูลเซียนพบเจอเดือดร้อนถึงสำนักเซียนน้อยใหญ่ทั้งหลายให้มานัดหมายประชุมเพื่อสังหารทรราชผู้นี้ลงก่อนจะเป็นภัยต่อเขตแดนอื่นที่ไม่รู้เรื่องราว แต่มิได้เอ่ยปากถึงเรื่องราวของทรราชผู้นี้สักคำ สำนักประชุมใหญ่ที่มีไว้สำหรับเจ้าสำนักประชุมก็ถูกทรราชทำลายทิ้งมิเหลือซากชิ้นให้เหล่าเซียนลูกศิษย์ได้ดูอาจารย์ของตนต่างหน้า

    เซียนลูกศิษย์มากมายที่ได้พบเจอพลังของทรราชแล้วนับร้อยชีวิตกลับต้องมาเผชิญหน้ากับทรราชผู้แข็งแกร่งเองเสมือนกับพวกเขาได้พบเจอกับภูเขาลูกใหญ่ที่มิอาจโค่นล้มมันได้ ไม่ว่าจะพลังเซียนจากสำนักไหนก็ไม่อาจต้านทานพลังมารที่หลอมรวมกับความอาฆาตของวิญญาณมากมายลงได้ เซียนลูกศิษย์ทั้งหมดทุกตระกูลใหญ่เล็กตรงนั้นทั้งหมดถูกปลิดชีพลงเยี่ยงผักปลาให้ทรราชผู้ยิ่งใหญ่ได้สูบวิญญาณของพวกเขากินเป็นของทานเล่นแก้เหนื่อย


          ครั้นเรื่องร้อนถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มหาเทพสวรรค์เห็นถึงความชั่วร้ายที่แผ่กระจายไปทั่วผืนดินร้อนรนถึงเทพทั้งสี่จตุรทิศที่พวกเขาก็ไม่อาจคุมเอาไว้ได้จนต้องหนีขึ้นมาด้วยสภาพเป็นตายเท่ากัน ไม่ว่าจะต้องส่งเทพองค์ใดลงไปต่อสู้กับทรราชก็มีแต่จักพ่ายแพ้และสูญเสียอยู่ฝ่ายเดียวทั้งนั้น มหาเทพสวรรค์เริ่มจนปัญญาเต็มที 

    แต่เทพมังกรสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ในเผ่ามังกรสวรรค์ที่นั่งบำเพ็ญตนมายาวนานนับหมื่นปีกลับออกรับอาสาจะสังหารทรราชด้วยตนเองเพียงผู้เดียวกับเทพทุกองค์ที่ร่วมประชุม เหล่าลูกหลานตระกูลมังกรสวรรค์มิมีผู้ใดยอมรับหรือยินดีกับการอาสาในครั้งนี้ของเทพมังกรสวรรค์ได้ แต่ยังไม่ทันที่จะได้โต้ตอบกันไปมา ทรราชผู้น่าเกรงขามก็ได้ขึ้นจากผิวดินมนุษย์ขึ้นมาเหยียบย่ำผิวเมฆสวรรค์สีขาวของเหล่าเทพแทนในพริบตา

    โลหิตจากสัตว์ป่ารวมตัวเข้ากับแรงพลังอาฆาตและไฟโทสะในตัวนับไม่ถ้วนที่อยู่ในตัวเขาค่อยๆไหลหยดลงไปยังสีพื้นเมฆาทีละหยดในทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไป ณ ลานพิธีสวรรค์กลายเปลี่ยนจากเมฆสีขาวสะอาดเป็นสีแดงเลือดไปทั่วทั้งสวรรค์ส่งเสียงฝีเท้าให้กลายเป็นเสียงฟ้าผ่าดังตะบันไปทั่วแผ่นดินอันกว้างใหญ่ เผ่ามารที่เห็นท่าดีเข้าทางเผ่าตนเองแล้วจึงออกคำสั่งให้มารจตุรทิศผู้ทำหน้าที่เฝ้าทิศแผ่นดินแฝงตัวไปที่ผืนดินคอยแอบฟังทุกอย่างเพื่อมารายงานให้เผ่ามารได้ทราบทั่วกัน


    เมื่อไม่มีเวลาให้กล่าวลาแล้ว เทพมังกรสวรรค์ก็มิรั้งรอ เมื่อเอ่ยปากอาสาแล้วต้องมิคืนคำ เทพมังกรสวรรค์รีบออกตัวไปด้านนอกเพื่อต่อสู้กับทรราชเพียงลำพังตัวคนเดียวท่ากลางเสียงร่ำไห้ของลูกหลานและภรรยาที่ทนแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้ได้ เทพมังกรสวรรค์ที่ต่อสู้อยู่ลำพังรับรู้ได้ถึงพลังมารและพลังอีกนับไม่ถ้วนในตัวของทรราชผู้นี้สูงเทียมฟ้า ก็รู้ดีว่าตนมิอาจเอาชนะทรราชผู้นี้ลงได้แน่นอน บุตรชายลำดับที่หนึ่งของเผ่ามังกรสวรรค์เมื่อเห็นบิดาสู้ต่อด้วยตัวคนเดียวไม่ได้จึงตัดสินใจฝากอำนาจทุกอย่างไว้ที่น้องชายคนสุดท้องของเผ่าโดยตัวเองมิได้หวั่นกลัวว่าจะได้กลับมาหาคนที่รักทั้งมารดาน้องชายและภรรยากับลูกในครรภ์อีกหรือไม่ 

    แม้ต่อให้จะห้ามกันทุกเสียงแต่สายเลือดย่อมไม่มีวันตัดขาด บุตรชายลำดับที่หนึ่งของตระกูลรีบตามออกไปร่วมสู้กับบิดาเป็นอีกคน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตที่กลับไปหาครอบครัวด้านหลังไม่ได้อีกตลอดไป


        ทรราชเห็นบุตรชายลำดับที่หนึ่งของเผ่ามังกรสวรรค์ออกมาร่วมต่อสู้ก็เริ่มสูญเสียพลังไปจากเดิมมาก ดวงตาสีดำสนิทมองเห็นถึงใบหน้าชายหนุ่มที่เคยร่วมยินดีให้แก่กันในครั้นยังเด็กที่เป็นเพียงเซียนฝึกหัดไม่มีวิชาแข็งแกร่งมากพอ แต่บัดนี้ชายหนุ่มผู้นั้นที่ทรราชจดจำไม่รู้ลืมเขากลับมาร่วมจัดการสังหารตนกับบิดาอย่างไม่สนใจว่าทรราชนั้นแต่ก่อนจะเคยเป็นสหายร่วมสาบานกันมาก่อนตายหรือไม่ 

    ทั้งสองบุรุษจากเผ่ามังกรสวรรค์ต่อสู้บาดเจ็บเลือดเต็มปากมองไม่เห็นทางเอาชนะแม้พลังทรราชจะถอยร่นลงมาจากในตอนแรกแล้ว บิดาและบุตรชายลำดับที่หนึ่งมองเห็นหนทางเดียวที่จะเอาชนะทรราชได้จึงทำการคายดวงแก้วมังกรที่เป็นอาวุธสุดท้ายจากในตัวออกมาสังหารทรราชและตนเองไปพร้อมกันไม่แม้จะเสียใจ ทั้งสามชีวิตตกลงจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าลงสู่ผืนดินก่อนที่สองเทพแห่งเผ่ามังกรสวรรค์จะสิ้นชีพไปกลายเป็นผงเพชรสีทองลอยไปตามลมที่พัดคลุ้ง

    แต่ร่างกายของทรราชที่เทพหลายองค์คิดว่าจะสลายหายไปพร้อมกันแต่กลับยังไม่สลายหายไปเหมือนดั่งเทพมังกรสวรรค์และบุตรชายลำดับที่หนึ่งของเผ่ามังกรสวรรค์ มีเพียงอาวุธตรีศูลเพียงอย่างเดียวที่ถูกพังทลายไปโดยดวงแก้วทั้งสอง ตรีศูลสลายหายไปกลายเป็นเศษดินตามพื้น ทรราชที่นอนบัดนี้แม้ร่างกายจะยังคงไม่หายไปตามทั้งสองแต่หายใจของเขากลับเริ่มโรยราใกล้สิ้นใจเต็มที

     ทรราชชาญฉลาดกว่าที่คิดจึงรีบใช้พลังเฮือกสุดท้ายก่อนจะตายที่ยังมีอยู่ไม่แตกสลายไปลุกขึ้นจากหลุมดินขนาดใหญ่ขึ้นมาคุกเข่าลงกับผืนธรณีสีน้ำตาลเข้มเจือปนโลหิตตัวเองเพราะทั้งร่างกายทรราชที่บัดนี้ถูกห่อหุ้มเต็มกายไปด้วยโลหิตที่เริ่มไหลออกมาจากปากหูจมูกและซอกเล็บเพราะแก่นแท้ของวิญญาณทรราชเริ่มจะสลายไปอย่างช้าๆ


    ดวงตาทรราชที่เคยเป็นสีดำสนิทไร้สีขาวสะอาดเหมือนเช่นมนุษย์คนอื่นๆค่อยๆลบเลือนกลับมาเป็นสีเทาและกลายเป็นขาวอีกครั้งไปพร้อมเม็ดหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างเมื่อในสมองของทรราชร่างนี้เริ่มกลับมาหวนคำนึงถึงบุตรชายลำดับที่หนึ่งของเผ่ามังกรสวรรค์ที่ตายจากไปพร้อมกับคำพูดสุดท้ายที่ได้กล่าวร่ำลากันเงียบๆเพียงรูปปากทั้งน้ำตาก่อนจะตกสู่พื้นดิน 

    ร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงกำลังจะตายสมประดี ได้ฝากสิ่งสุดท้ายลงยังปลายนิ้วชี้ทรราชที่ยังมีโลหิตจากบาดแผลต้นแขนไหลวางลงไปยังผืนธรณีพร้อมให้คำสั่งกับมารจตุรทิศผู้มีหน้าที่ดูแลแผ่นดินร่วมกับเทพจตุรทิศให้ฟังคำสั่งของทรราชในร่างมารก่อนตาย


       “มารจตุรทิศแห่งผืนธรณีโปรดฟังคำสั่งของข้า!! ข้าคือทรราชผู้ยิ่งใหญ่ที่มิมีผู้ใดสังหารข้าได้ บัดนี้ร่างกายร่างนี้ของข้ากำลังจะสลายหายไป โลหิตทั้งหมดบนผืนดินที่กำลังไหลออกจากแขนของข้าตอนนี้คือโลหิตของข้าไม่มีสิ่งใดมาเจือปน และนี่คือคำสั่งจากทรราชผู้ที่พวกเจ้าเกรงกลัวกัน...จงเก็บโลหิตของข้าเอาไว้ให้ลึกและห่างไกลออกไปจากทั้งสี่ทิศ ไม่ว่าจะผืนดิน ผืนฟ้า และผืนน้ำ แม้แต่ผืนลาวาที่ร้อนดั่งไฟก็เช่นกัน และหากเมื่อยามใดที่ข้าจะกลับมาเป็นใหญ่ในใต้หล้านี้อีกครั้ง เลือดจำนวนนี้จะเป็นคนเลือกมนุษย์ผู้นั้นด้วยตัวของมันเอง” เสียงสั่นเครือของทรราชที่แก่นแท้ของวิญญาณกำลังจะแตกสลาย เลือดจำนวนมากจากปลายนิ้วคำสั่งทรราชไหลอาบผืนดินร่วนตรงนั้นลงไปยังใต้ผืนดินที่มีมารจตุรทิศรับฟังคำสั่งอยู่อย่างจงรักภักดีก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้ดูดซึมพลังเก็บเอาไว้ในกรงเล็บเหล็กน่าเกรงขาม 


          ผ่านไปยาวนานหลายยุคหลายสมัย จากหลุมดินที่เคยบุบกลายเป็นหลุมลึกตอนนี้ก็กลายมาเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่มีความสวยงามประดุจบ่อน้ำที่ถูกสวรรค์สร้างขึ้นมา เหนือสุดขอบฟ้าที่เป็นพื้นที่อาศัยอยู่ของเหล่าเทพสวรรค์ทั้งหลาย บุตรชายผู้สืบทอดเจตจำนงเพียงคนเดียวของบุตรชายคนสุดท้องของเผ่าสวรรค์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในยุคสงครามกลางเมือง น้องชายผู้ได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ผู้ดูแลแห่งเผ่ามังกรสวรรค์ที่มีแต่ความเศร้าหมองใจไม่มีวันหายขาดก็เอาแต่เฝ้าสอนสั่งบุตรชายให้โกรธเคืองทรราชที่เป็นผู้สังหารคนสำคัญในตระกูลไปจนมิเหลือ 

    บุตรชายของเทพมังกรสวรรค์รับฟังทุกวันจนจำฝังลึกเข้าถึงแก่นจิตใจ เมื่อยามโตขึ้นเป็นใหญ่แล้วจึงจัดทำให้เปิดสำนักพิเศษสำหรับเหล่านักฆ่าทั้งหลายขึ้น เพื่อไว้สั่งสอนวิชาต่างๆเพื่อให้สามารถสังหารทรราชในยามที่ทรราชถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งตามคำสั่งก่อนจะตาย


      สำนักของบุตรเทพมังกรสวรรค์ก่อตั้งมานานนับสองร้อยปีหลังจากบุตรชายคนเล็กของเทพมังกรสวรรค์เฝ้าสั่งสอนเขามาจนเติบใหญ่ สำนักพิเศษขนาดใหญ่นี้มีหน้าที่ไว้สำหรับคอยฝึกสอนให้เทพน้อยใหญ่หรือเซียนหลายระดับมาฝึกกระบวนท่ามากมายที่ได้เล่าเรียนมาเพื่อให้สามารถใช้กับทรราชได้ไม่มากก็น้อยที่สุด โดยในลำดับรุ่นที่200นี้ศิษย์ที่เข้าตาในสายตาของเขามากที่สุดก็เห็นจะเป็น

     'จอน จองกุก' บุตรชายของเทพดวงอาทิตย์และเทวีแห่งวารีน้อยเพียงผู้เดียว เด็กชายผู้ที่มีจิตใจในการต่อสู้ร้อนรุ่มดั่งไฟจากดวงอาทิตย์แต่ก็มีสติสัมปชัญญะคิดไตร่ตรองในกระบวนท่าของทั้งตนเองและคู่ต่อสู้ได้ไหลลื่นไม่ติดขัดเยี่ยงสายน้ำขนาดเล็กที่ต่อให้มีก้อนหินใหญ่มาขัดก็มิอาจกั้นเอาไว้ได้


         เมื่อถึงยามสอบวัดความสามารถ จอนจองกุกจึงไม่แปลกที่จะได้เป็นคนที่หลายคนในสำนักพึงพอใจ จอนจองกุกได้รับเลือกให้เป็นศิษย์คนสำคัญอีกคนที่มีหน้าที่คุ้มกันเหล่าเทพทั้งหลายบนสวรรค์จากทรราชเหมือนกับศิษย์พี่อีกนับกว่าร้อยคน ทุกวันจองกุกจะต้องลงจากสวรรค์ไปออกตามหาผู้ที่อาจจะเป็นบุคคลที่ทรราชเลือกใช้ในฐานะศิษย์น้องที่เพิ่งถูกรับเข้าสำนักใหม่ๆ เพื่อทำการสังหารทรราชในร่างมนุษย์ด้วยการบั่นคอทิ้งมิให้มีชีวิตได้ตรัสคำสั่งใดอีกเหมือนเช่นกันกับทรราชในเมื่อก่อน

       จองกุกลงมายังโลกมนุษย์ตั้งแต่สงครามโลกในยุคแรกมาจนถึงปัจจุบันที่มีแต่เทคโนโลยีล้ำสมัยมากหน้าหลายตาจนยากจะทำความเข้าใจได้ทันมนุษย์ทั้งหมด จองกุกก็ไม่พบเจอกับบุคคลที่ทรราชเลือกเลยแม้จะพลิกแผ่นดินหาทั่วทั้งผืนฟ้าหาแล้วก็ช่าง


      เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังเรียนอยู่ม.5จากโรงเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆไม่ได้โด่งดังอะไรมากมายเท่าที่อื่น หนุ่มน้อยผู้นั้นนาม 'ปาร์ค จีมิน' ต้องตั้งใจเล่าเรียนให้จบไปไวๆ เพื่อที่ตนจะได้ออกไปให้ไกลจากขุมนรกในรั้วโรงเรียนนี้ สถานที่ที่มีแต่ฝันร้ายของเขาทั้งเพ 

    จีมินเป็นเพียงเด็กชายที่ไร้ทั้งพ่อและแม่มาตั้งแต่เด็กๆ เขาต้องทั้งเรียนหนังสือและทำงานพิเศษไปในตัว แบกหามตนเองให้หลุดพ้นจากความหนักหน่วงนี้ไปเพียงลำพังตั้งแต่สูญเสียคุณยายผู้เป็นที่รักไปเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยโรคชรา


            ใบหน้าของจีมินแปดเปื้อนไปด้วยรอยแผลจากการที่ถูกเพื่อนๆกลั่นแกล้งแต่ใบหน้าที่ต้องกลับมาพบเจอกับความเป็นจริงว่าตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้วแม้แต่คุณยายเองก็ไม่มี ระยะทางจากทางกลับมาบ้านนั้นจีมินต้องเดินเพียงลำพังในซอยเปลี่ยวไม่มีผู้คน 

    ปาร์คจีมินที่กำลังจิตตกอย่างหนักได้พบเจอกับมารจตุรทิศผู้เฝ้าผืนดินเข้าด้วยความบังเอิญที่ตนเองคิดว่าเขาคือคนเหมือนกัน มารจตุรทิศดักหน้าจีมินไม่ให้เดินต่อไปก่อนจะลักพาจีมินให้ไปยังในซอกแคบระหว่างบ้านเรือนสองหลังที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ฝ่ามือปิดปากไม่ให้เสียงของเขาหลุดรอดไปให้จองกุกจับได้ นิ้วชี้ที่มีเลือดของทรราชฝังอยู่ในกรงเล็บได้ปักลงเข้าไปถึงกลางหัวใจจีมินด้วยความทรมาน ก้อนเนื้อเต้นได้ถูกแทงและถูกน้ำจากข้างในกรงเล็บมารจตุรทิศไหลซึมเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับมันกำลังหิวกระหายในเลือดมนุษย์

    ร่างกายจีมินสั่นไปทั้งตัวทันทีที่เลือดหยดสุดท้ายไหลเข้าไปในร่าง ตัวเขาล้มลงไปนอนกองที่พื้นเย็นเยือกนี้พร้อมกับอาการชักเกร็งขั้นรุนแรง ดวงตาดำเลิกหายไปจากตาขาวไม่มีหวนกลับคืน เส้นเลือดฝอยในตาขาวแตกปะทุครอบดวงตาขาวทั้งหมดเอาไว้ก่อนจะมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างค่อยๆพากันเลื้อยผ่านผิวหนังและใต้ม่านตาของจีมินทั้งหมดไปรวมกันที่สมอง ปาร์คจีมินนอนแน่นิ่งไปพร้อมกับสิ่งสุดท้ายที่คิดถึงคือคุณยายของตน

     ทรราชได้ฟื้นคืนจากความตายอีกครั้งในร่างที่อ่อนแอไม่ต่างจากเซียนน้อยผู้นั้น ตาขาวเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิท พร้อมกับรอยสักผนึกคำสาปมากมายที่มันค่อยๆผุดขึ้นมาบนร่างกายเขาทีละส่วน จีมินที่ตอนนี้ถูกทรราชเข้าสิงไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้นอกจากร่างกายที่ยังเป็นของตัวเองอยู่


          ทรราชในร่างจีมินออกคำสั่งให้จีมินเดินกลับบ้านไปก่อนที่เขาจะค่อยๆแอบแทรกซึมร่างกายจีมินไปทีละน้อยไม่ให้จีมินจับได้และขัดขืน ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่จอนจองกุกที่ออกตามหาวิญญาณทรราชในชุดที่เข้ากับมนุษย์ยุคนี้ใส่เดินสวนผ่านจีมินไปโดยที่จองกุกจับรังสีของทรราชไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

    เมื่อถึงบ้าน ทรราชก็ทำการบังคับจิตใจจีมินให้กล่าวคำตามตนเพื่อสร้างพื้นที่ด้วยการใช้พลังคุณไสยอันแรงกล้าที่ไม่มีใครแตะถึงนอกจากทรราชเพียงผู้เดียวและค่ำวันเดียวกันทรราชก็ได้ทำพิธีสร้างอาวุธเหมือนกับตอนนั้นอีกครั้ง 

    แต่ครั้งนี้จิตใจของจีมินกลับอ่อนแอเกินไปที่จะสร้างตรีศูลให้ได้ ทรราชไม่สามารถสร้างตรีศูลได้ตามต้องการจึงทำได้เพียงสร้างดาบสีดำขึ้นมาจากเลือดบนฝ่าของจีมินที่หลอมรวมกับเลือดของทรราชและรวมไปถึงพลังทุกชนิดที่ทรราชมีในร่างกายจนได้ดาบที่มีพลังทัดเทียบได้กับตรีศูลตอนนั้นแต่ความน่าเกรงขามไม่อาจเทียบเท่าได้กับตรีศูล


         ทรราชสอนสั่งให้จีมินจับดาบและควงมันไปมาเรื่อยๆในท่วงท่าที่เขาต้องการ ทรราชเฝ้าสอนสั่งทั้งการฝึกดาบมากมายทุกกระบวนท่า นั่นจึงทำให้จีมินได้แอบรู้ว่ามารตนนี้มีความชำนาญในเรื่องดาบอยู่พอสมควร ผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์ที่พลังคุณไสยคลุมอาณาเขตปราศจากพวกนักล่าเข้ามารุกราน จองกุกก็ไม่แม้แต่จะมีสัมผัสถึงมันสักครั้งจนกระทั่งจีมินได้สำเร็จการถือดาบและเหวี่ยงควงดาบได้ตามที่ทรราชต้องการแล้วสิ้น

    ในสิ่งแรกหลังจากที่จีมินเรียนวิธีจับดาบเสร็จสิ้นแล้วก็คือการใช้พลังคุณไสยและพลังมารควบคู่ไปกับดาบเพื่อเรียกใช้พวกปีศาจรับใช้ที่แฝงกายอยู่ในเลือดเขาทั้งหมดให้ออกมาต่อสู้แทนในยามคับขัน


            ทันทีที่อาณาเขตของทรราชถูกพังทลายลง จอนจองกุกก็รับรู้ได้ถึงรังสีของทรราชที่ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วทั้งผืนดิน จีมินเดินออกมานอกบ้านพักที่มีท้องฟ้าสีดำทมิฬเป็นพยานในการจุติใหม่ของทรราชในครั้งนี้ ฝ่ามือจับดาบขึ้นด้วยมือสองข้างจับดาบเป็นแนวนอน แขนของจีมินเหยียดตึงไปด้านหน้าตัวเองหันทางทิศตะวันตก ฝ่ามือข้างซ้ายกับปลายดาบรวบกุมปลายดาบแหลมเอาไว้แม้จะเป็นช่วงที่มันแหลมมากก็ตาม พลันมือทั้งสองที่จับทั้งด้ามและด้านปลายดาบแน่นติดผิวอาวุธแล้ว จีมินจึงค่อยๆออกแรงจากดึงดาบจากฝั่งด้ามออกให้ปลายดาบที่แหลมคมค่อยๆกรีดฝ่ามือข้างนั้นให้โลหิตจากมือไหลออกมาอาบปลายดาบพลันสั่งจีมินให้เอ่ยนามเรียกปีศาจรับใช้ให้ออกมาดังไปทั่วแถวนั้น


     “โลหิตทรราชที่อาบดาบนี้ขอสั่งให้ปีศาจกระทิงไฟ ปีศาจจิ้งจอกหางงู และปีศาจเทวีผมขาวจุติออกมาบัดเดี๋ยวนี้!!” จีมินที่ถูกทรราชสั่งอยู่ในจิตใจออกคำสั่งเรียกปีศาจรับใช้ออกมาไม่คิดกลัวเกรงความเป็นความตายของมนุษย์แถวนั้น


           จีมินเงยหน้าไปบนฟากฟ้าตรงหน้า ปรากฏชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่กำลังลอยตัวลงมาจากบนฟากฟ้าด้วยท่าที่เตรียมจะฝังดาบยาวลงกลางอกของตนตั้งแต่ไกล ดวงตาจีมินมองลึกเข้าไปเห็นถึงความงดงามของจองกุกที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดงดงามได้เกินเท่าจองกุกแต่ไม่ทันที่จอนจองกุกจะไปถึงตัวจีมินที่ไม่เคยพบกับบุรุษที่มีรูปโฉมหล่อเหลาเท่านี้มาก่อน เหล่าสามปีศาจรับใช้ก็จุติขึ้นจากกองเลือดของทรราชที่หยดลงพื้นมาป้องกันทรราชไว้จากจองกุกได้สำเร็จ จองกุกต่อสู้กับสามปีศาจรับใช้ก่อนที่จะสามารถสังหารพวกมันลงด้วยความทรหดและหวังจะรีบวิ่งไปหาทรราชเพื่อจะสังหารทรราชในร่างจีมินต่อ แต่ก็สายเกินไปแล้วเมื่อตอนนี้จีมินที่เป็นมนุษย์แต่ก่อนได้หายไปจากการควบคุมร่างแล้ว เหลือไว้เพียงทรราชที่ในตอนนี้ได้เข้าครอบงำร่างกายจีมินครบหมดทุกส่วน

    ทั้งสองต่อสู้กันจนแผ่นดินสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ทิศสี่ภพภูมิ เทพสวรรค์มากมายต่างหวาดกลัวในพลังอำนาจของทรราชที่สามารถทำให้ฟ้าสะท้านแผ่นดินสะเทือนได้ถึงเพียงนี้ จองกุกที่ไม่อาจรั้งมือต่อสู้พลังทรราชได้นานจึงตัดสินใจใช้ตะปูคำสาปตอกลงกลางหัวใจของทรราชด้วยพลังแรงปราณจากฝ่ามือที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้เพื่อทำการผนึกอำนาจของทรราชเอาไว้ให้สงบลง เมื่อทำพิธีผนึกทรราชไว้ด้วยตะปูได้ ตอนนี้ร่างกายของจีมินก็ไม่มีผู้ใดคอยควบคุมอีกต่อไป เขาหมดสติร่างกำลังจะเอนล้มหัวกระแทกพื้น แต่จอนจองกุกที่มองเห็นจึงไม่อาจหักห้ามใจไม่ช่วยได้ ร่างกายสูงใหญ่วิ่งเข้าไปใช้แขนรองรับแผ่นหลังมือพร้อมกับอีกข้างจับต้นแขนขวาจีมินเอาไว้มั่น


        เมื่อจีมินฟื้นขึ้นมา เขาได้พบเจอกับตัวเองในสภาพที่ถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกคล้องปีศาจที่ต้องเป็นปีศาจต่ำช้าเท่านั้นจึงจะสามารถใช้จับได้ จีมินเมื่อเห็นเช่นนี้จึงดิ้นไปมาด้วยความทรมานที่ถูกมัดไว้อย่างไร้เหตุผลก่อนที่จอนจองกุกจะสนองความต้องการของจีมินด้วยการนั่งเล่าเรื่องทุกอย่างฟังตั้งแต่ที่มาจวนมาบรรจบถึงตรงนี้

    และจองกุกได้บอกกับจีมินไปอย่างไม่กังวลถึงความรู้สึกในใจจีมินสักนิด เมื่อจองกุกได้บอกความจริงให้แก่จีมินได้ทราบไปว่าตนจะต้องสังหารจีมินเพื่อจะปลิดชีพทรราชที่อยู่ในร่างของจีมินในเวลานี้ก่อนที่ทรราชจะสังหารมนุษย์ที่บริสุทธิ์ไปมาก จีมินได้ฟังก็เสียใจร้องไห้ฟูมฟายทั้งที่ร่างกายยังคงถูกมัดตึง จีมินไม่คิดว่าทรราชจะร้ายกาจดั่งรกสั่งมาเกิดเช่นนี้ เขาร้องไห้และเอ่ยปากยินยอมที่จะให้จองกุกสังหารตนเองไปพร้อมกับทรราชร้ายโดยในจิตใจจีมินเสียงกุด่าของทรราชนั้นมันกำลังดังขึ้นมาก้องหูเขาไปหมดแต่จีมินกลับไม่ฟังและยอมหลับตารับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่นี้ไป


            ทรราชผู้ไม่ยอมให้ชีวิตที่ได้เกิดใหม่ของตนเองต้องมาจบเช่นนี้ให้น่าขันจึงได้ใช้หยดเลือดบนฝ่ามือที่ยังไหลอยู่สั่งปากให้จีมินเรียกใช้ปีศาจรับใช้ออกมา ซึ่งจีมินที่มีจิตใจอ่อนแอไม่สามารถต้านทานพลังมารของทรราชไว้ได้ ตะปูคำสาปก็ไม่สามารถยึดพลังบางส่วนของทรราชไว้ได้เช่นกัน จีมินออกคำสั่งเรียกปีศาจงูออกมาต่อสู้กับจองกุก ทรราชขืนร่างกายจีมินออกคำสั่งให้จีมินที่หลุดพ้นจากเชือกจับปีศาจแล้วหันไปจับดาบขึ้นมาต่อสู้กับจองกุกทั้งน้ำตาที่เขาไม่ได้ต้องการเช่นนี้ จองกุกต่อสู้ไปก็สังเกตเห็นใบหน้าของจีมินที่พยายามจะบอกเขาอยู่เสมอว่าเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้อยู่ทุกครั้ง จนในที่สุดจองกุกที่ไม่สามารถสังหารผู้บริสุทธิ์ลงได้ตามคำสั่งอาจารย์จึงตัดสินใจหันกลับมาใช้วิชาระฆังวงแหวนสยบมาร

    ระฆังมากกว่าหนึ่งพันตัวเรียงร้อยเป็นวงแหวนลงมาจากสวรรค์ ล้อมวงกลมรอบจุดที่จีมินที่ถูกทรราชสิงร่างยืนอยู่ก่อนที่เสียงระฆังจะตีดังพร้อมกันกับเสียงสวดจากเทวีแห่งการละเว้นผู้ยิ่งใหญ่ของสวรรค์ ทำให้จีมินที่ร่างกายอ่อนแอยิ่งทำให้พลังทรราชอ่อนแอตามไปด้วย ทรราชจึงไม่อาจสู้กับวิชาระฆังวงแหวนสยบมารนี้ได้ จึงได้หายไปจากร่างจีมินพักใหญ่ทิ้งไว้เพียงร่างกายของเด็กหนุ่มที่กลับมานอนนิ่งอีกครั้งให้จองกุกต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ จอนจองกุกใช้จังหวะที่จีมินสลบไปทำพิธีลงคำสาปกักขังจิตใจของจีมินไปก่อน จึงทำให้ร่างของจีมินตอนนี้ว่างเปล่าไม่มีจิตใจใดในความคิดเขาอีกต่อไป 


             จีมินฟื้นคืนจากการหลับใหลไปนานหากไม่ได้ยินเสียงของทรราชที่คอยแต่จะเฝ้าทำลายตะปูคำสาปที่กักขังร่างทั้งหมดของเขาเอาไว้อยู่ตลอดเวลา จีมินลืมตาขึ้นมาช้าๆก่อนจะพบกับชายที่เขาเหมือนเคยพบเจอแต่กลับจำไม่ได้ จองกุกขังความคิดเก่าของจีมินเอาไว้ด้วยกันกับจิตใจ ก่อนจะให้คำสั่งกับจีมินในตอนนี้ว่า “บัดนี้ตัวของเจ้ากำลังเป็นอันตรายจากปีศาจชั่วร้าย ข้าคือผู้ที่ช่วยเหลือเจ้าเอาไว้ให้รอดพ้นจากความตายที่เจ้าเกือบได้รับ ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนบุญคุณที่ข้าได้ให้เจ้าเอาไว้แล้ว เจ้าจงตอบรับคำของข้าบัดเดี๋ยวนี้” 

       จองกุกอาศัยจีมินที่เพิ่งรู้สึกตัวกับถูกวิชากักขังจิตใจกล่าวกับเขาก่อนที่ทรราชจะทำการแหกวิชากักขังจิตใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง


              ...

          “ข้าน้อมรับคำขอของท่านแล้ว” จีมินตอบกลับไปไม่ทันได้ยินเสียงจากใต้ก้นบึ้งจิตใจที่ทรราชได้ยินอยู่

       “ในเมื่อเจ้าตอบรับคำขอของข้าแล้ว บัดนี้เจ้าก็จงมาเป็นทาสรับใช้ข้างกายของข้า และคอยเป็นองครักษ์คุ้มครองชีวิตข้างกายข้าซะ” จองกุกสิ้นคำกล่าวที่ให้จีมินมาเป็นทาสรับใช้ตนแล้วก็รีบลุกขึ้นลงดาบฟันเชือกที่มัดตัวจีมินเอาไว้ให้ขาดออกจากพันธนาการทั้งหมด


      “แล้วข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังกับทาสคนนี้ของท่านอย่างแน่นอน” จีมินลุกขึ้นยืนพลางยกมือประสานปลายนิ้วคำนับให้กับผู้มีบุญคุณนี้ที่เขาถูกกล่อมจากวิชากักขังจิตใจอยู่



    THE END.


    ∽•◈•∽

    จริงๆมีต่อยาวกว่านี้แต่ขอจบแค่นี้ดีกว่า เรื่องนี้คือตั้งใจอยากจะทำเป็นนิยายออรินะคะ แต่ว่าตอนนึกพล็อตตอนนั้นรู้สึกว่าถ้าลองมานึกดูเป็นฟิคกุกมินก็คงแปลกไปอีกแบบดี ถ้าทุกคนชอบก็ขอให้อ่านกันให้สนุกนะคะ ไรท์ขอตัวไปปั่นนิยายของไรท์ต่อก่อนนะคะ^^


    OASIS.

    (WRITER : โลหิตทรราช)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×